วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2559

ประวัติความเป็นมาของ The Pizza Company



เดอะ พิซซ่า คอมปะนี (อังกฤษ: The Pizza Companyเป็นร้านอาหารประเภทพิซซ่า จัดการโดย The Minor Food Group มีจุดเริ่มต้นเมื่อปี 1981 ครั้งเป็นบริษัทผู้รับเฟรนไชส์ของพิซซ่าฮัทของประเทศไทย ต่อมาในปี 2001 หมดสัญญากับทางพิซซ่าฮัท ทำให้ The Minor Food Group จึงหันมาทำร้านพิซซ่าเป็นของตัวเองในชื่อ "เดอะ พิซซ่า คอมปะนี"
โดยมีแฟรนไชส์ในหลายประเทศ บริหารโดยบริษัทที่กรุงเทพ มีสาขาอย่างเช่นใน คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดิอาระเบีย จีนฟิลิปปินส์ โปแลนด์

เดอะพิซซ่า คอมปานี เป็นธุรกิจที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย ซึ่งคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับ เดอะพิซซ่า คอมปานีเพราะความมีชื่อเสียงที่โด่งดังมานานมากกว่า 30 ปี เป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างถึงความมีคุภาพของสินค้า และความมีประสิทธิภาพในการทำงานของผู้บริการที่สามารถพัฒนาคิดค้นสูตรใหม่ๆออกมาสู่ตลาดเสมอ ทำให้ผู้บริโภคนั้นไม่เกิดความเบื่อหน่ายในสินค้าของ เดอะพิซซ่า คอมปานี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความคิดของแต่ละสูตรนั้นมีความอร่อยที่แตกต่างกันไป มีการประยุกต์นำอาหารพื้นฐานต่างๆ รวมทั้งอาหารขึ้นชื่อของต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับรสชาติอาหารที่ถูกปากคนไทย และการบริการที่เอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดีและมีความสม่ำเสมอในการให้บริการนั้นเป็นที่ถูกใจบรรดาลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เดอะพิซซ่า คอมปานี นี้อยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้


เดอะพิซซ่า คอมปานี นั้นเป็นธุรกิจที่มีสาขามากมายกว่า 700 สาขาทั่วประเทศ ซึ่ง เดอะพิซซ่า คอมปานี นั้นเป็นแบรนด์พิซซ่าที่ได้รับความนิยมที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะความอร่อยของสินค้า ความแปลกใหม่ของสินค้า ความใหม่และความสดของวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการประกอบก่อนที่จะออกมาเป็นพิซซ่า ถาดที่มีทั้งความอร่อยและคุณภาพ เพราะทางบริษัทถือว่าเรื่องของความสะดากและความสดใหม่ของวัตถุดิบที่จะทำพิซซ่าให้กับผู้บริโภคนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด ซึ่งทำให้ผู้บริโภคนั้นมั่นใจได้เลยว่าพิซซ่าที่คุณได้ทานเช้าไปในทุกๆคำนั้นสะอาดปลอดภัยอย่างแน่นอน นอกจากสินค้าที่มีคุณภาพแล้ว รูปแบบของการตกแต่งร้านหรือลักษณะของการขายนั้นก็สามารถดึงดูดให้ผู้บริโภคนั้นมีความสนใจได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องของการโฆษณาที่น่าสนใจและน่าลิ้มลองจึงทำให้มีผู้บริโภคสนใจและเข้ามาซื้อพิซซ่าของ เดอะพิซซ่า คอมปานี เป็นจำนวนมาก

โซเชียลมีเดีย
เว็ปไซต์

แอพลิเคชั่นทั้ง IOS และ ANDROID

Twitter

โปรโมชั่น
เดือนตุลาคม




กิจกรรมเพื่อสังคม

เดอะ พิซซ่า คอมปะนี มอบเงินสมทบทุนแก่มูลนิธิชัยพัฒนา
        
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา รับมอบเงินสมทบทุนจากการจำหน่ายเซ็ตเมนูรักพ่อโดยหักรายได้จากการจำหน่าย จากจอห์น ไฮเน็คกี้ ประธานบริหารฝ่ายปฏิบัติการ ฮ็อทเชน บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วย สุภัทร์ ไพรสานฑ์กุล ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายการตลาด ทั้งในและต่างประเทศ รุ่งนภา ตั้งประเสริฐกิจ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด On-Premise เดอะ พิซซ่า คอมปะนีบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ชมพรรณ กุลนิเทศ รองประธานฝ่ายบริหารการลงทุน สุกิจ อุทินทุ รองประธานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัท ไมเนอร์ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) และ ดร. ศุลีพร บุญบงการ จูกาวัง เจ้าหน้าที่มูลนิธิชัยพัฒนา ณ มูลนิธิชัยพัฒนา 

ไมเนอร์ กรุ๊ปและเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ร่วมส่งเสริมการอ่านเด็กไทย สนับสนุน TK park


สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) หรือ TK park ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ไมเนอร์ กรุ๊ป และ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ร่วมเป็นหนึ่งในภาคีเครือข่ายส่งเสริมการอ่านให้กับเด็กไทย ในโครงการ “Read Thailand : อ่านเถิด...เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน” ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือของสอร. ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเป็นเจ้าฟ้านักอ่าน เจ้าฟ้านักประพันธ์ และทรงเป็นครู หรือมิ่งขวัญแห่งการเรียนรู้ ในโอกาสจะทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในปี 2558 ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้เด็ก เยาวชนและคนไทยสนใจรักการอ่านมากขึ้น และส่งเสริมสังคมไทยให้เป็น สังคมแห่งการเรียนรู้และรักการอ่าน

Minor Founder's Day


กำหนดให้วันที่ มิ.ย. ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ มร.วิลเลียม ไฮเนคกี้ เป็นวัน Minor Founder's Day ที่เหล่าพนักงานจะลงไปบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมค่ะ โดยในปีนี้ได้ไปจัดกิจกรรมที่ โรงเรียนสิทธิพยากรณ์ อ.วังน้อย จ.อยุธยา ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาต้องประสบภัยน้ำท่วมกว่า เมตร นานกว่า เดือน โดยซ่อมแซมโรงเรียนใหม่ และยังได้ดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ในพื้นที่อื่นๆ อีกหลายแห่งด้วยกัน









ประวัติ
เลย์ (อังกฤษ: Lay's) เป็นชื่อผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว มันฝรั่งทอดกรอบ ของบริษัทฟริโต-เลย่ ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับในประเทศไทย มีบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด (ฟริโต - เลย่) เป็นผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่าย ซึ่งนับเป็นผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 70% มีฐานการผลิตอยู่ที่ เลขที่99/9-10 ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง หมู่ที่11 ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน 51150 

IMC of Lays

facebook : เลย์ได้มีการใช้ facebook เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและโปรโมชั่นต่างๆ รวมไปถึงประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆที่กำลังจะจัดขึ้น


        Youtube :  เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและโปรโมชั่นต่างๆ


Instragram : ใช้ในการเผยแพร่สปอตโฆษณาสั้นๆ แนะนำสินค้าใหม่ และรวมไปถึงการประชาสัมพันธ์กิจกรรมใหม่ๆ

Sells Promotion

                   เลย์ มันฝรั่งทอดกรอบอันดับหนึ่งของเมืองไทย โดยบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด นำโดย นายวิชาล คาอูล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอาหาร และนางธามาศ ชุ่มภาณี ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด เปิดฉากแคมเปญสุดยิ่งใหญ่รับซัมเมอร์ พลิกประวัติศาสตร์วงการขนมขบเคี้ยว ครั้งแรก! กับการชวนคนไทยลุ้นล้านทุกวันผ่านรหัสในซองกับแคมเปญ เลย์ เฮสนั่น!! 30 วัน 30 ล้านพร้อมรุกสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งด้วยการประกาศเป็นผู้สนับสนุน ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก (UEFA Champions League) อย่างเป็นทางการในระดับโกลบอล คว้าตัว ลิโอเนล เมสซี่ ดาวซัลโวยูฟ่าฯ สูงสุดตลอดกาลนั่งแท่นโกลบอลพรีเซ็นเตอร์ หวังตอกย้ำกระแสเชียร์บอลยูฟ่าฯ ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ตั้งเป้าโกยยอดขายช่วงหน้าร้อน

เลย์เปิดแคมเปญ 'ยิ้ม' ฉลอง 20 ปี ส่งต่อยิ้มผ่านซองมันฝรั่ง
เลย์ มันฝรั่งทอดกรอบอันดับหนึ่งของเมืองไทย โดย บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ฉลองครบรอบ 20 ปีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์มันฝรั่งทอดกรอบอันดับหนึ่ง ด้วยการเปิดตัวแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ เลย์ สไมล์แคมเปญที่เชิญชวนคนไทยร่วมยิ้มไปกับความอร่อยของเลย์ ผ่านบรรจุภัณฑ์เลย์โฉมใหม่รูปยิ้มถึง 27 ดีไซน์ พร้อมเตรียมปูพรมด้วยกิจกรรมการตลาดแบบ 360 องศา พร้อมโปรโมชั่น และกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อส่งต่อรอยยิ้มให้กับคนไทยทั่วประเทศ
ภายใต้แคมเปญนี้ เลย์ตั้งใจที่จะส่งต่อรอยยิ้มให้กับผู้บริโภคผ่านบรรจุภัณฑ์โฉมใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษถึง 27 ดีไซน์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยนำเสนอผ่านรอยยิ้มหลากหลาย ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง วัยรุ่น วัยทำงานในไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย อาทิเช่น หนุ่มนักบอล สาวออฟฟิศ นักดำน้ำ ฯลฯ มาพร้อมกับรสชาติยอดนิยมทั้งรสมันฝรั่งแท้ แผ่นเรียบและแผ่นหยัก เอ็กซ์ตร้าบาร์บีคิว โนริสาหร่าย หมึกย่างฮอตชิลลี่ ซาวครีมและหัวหอม กะเพรากรอบ หอยเชลล์อบเนยกระเทียม และเมี่ยงคำครบรส ที่ให้คนไทยยิ้มไปความอร่อยกับรสชาติของเลย์ และสามารถแบ่งปันรอยยิ้มเหล่านั้นผ่านความอร่อยจากเลย์ไปสู่คนรอบข้าง ซึ่งนับเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับวงการขนมขบเคี้ยวของเมืองไทย ทั้งยังช่วยเสริมสร้างเอนเกจเมนต์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคผ่านความสนุกจากการถ่ายรูปกับซองเลย์ สไมล์ จนใครก็อดยิ้มไม่ได้
















ประวัติ
Victoria’s Secret นั้นเป็นแบรนด์ชุดชั้นในสตรีและผลิตภัณฑ์ด้านความงามสัญชาติอเมริกัน โดยบริษัทนั้นเริ่มมีชื่อเสียงกระฉ่อนโลกจากจัดแฟชั่นโชว์แค๊ตวอล์คซึ่งจะใช้นางแบบที่ชื่อดังที่สุดของวงการครับ…และเราจะเรียกเธอเหล่านั้นว่า “นางฟ้า” หรือ Victoria’s Secret Angel
วิกตอเรียส์ซีเคร็ตนั้นถูกก่อตั้งขึ้นโดย รอย เรย์มอนด์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1977 โดยวิกตอเรียส์ซีเคร็ตสาขาแรกได้ถือกำเนิดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก, แคลิฟอร์เนีย ต้นเหตุของการก่อตั้งวิกตอเรียส์ซีเคร็ต มาจากความรู้สึกเขินอายของรอยที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาเวลาที่เขาไปเลือกซื้อชุดชั้นในให้ภรรยาที่ห้างสรรพสินค้า นอกจากนั้นในช่วงปี 1970 ถึง 1980 ผู้หญิงอเมริกันในยุคนั้นจะชอบซื้อชุดชั้นในเป็นแพ็ค แพ็คละ3ชิ้นมาใส่ ซึ่งเป็นชุดชั้นในที่ไม่สวย เรียบ และดูล้าสมัย โดยชุดชั้นในที่มีลวดลายสวยงามหรือมีลูกไม้ จะเก็บเอาไว้ใส่ในเฉพาะโอกาสสำคัญหรือโอกาสพิเศษเช่นการไปฮันนีมูนเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว รอยจึงได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับตลาดชุดชั้นใน และได้กู้เงินจำนวนประมาณ 80,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (40,000 ดอลลาร์กู้จากพ่อแม่ของเขา และอีก 40,000 ดอลลาร์กู้จากธนาคาร) เพื่อนำมาสร้างเป็น "วิกตอเรียส์ซีเคร็ต" ร้านชุดชั้นในที่มีความประสงค์ให้ผู้ชายหรือสามีที่ต้องมาซื้อชุดชั้นในให้ภรรยานั้นไม่มีความเขินอายและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
วิกตอเรียส์ซีเคร็ตทำยอดขายในปีแรกที่ก่อตั้งได้ประมาณ 500,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากพอที่จะนำไปขยายสาขาเพิ่มได้อีกถึง 4 สาขา และได้มีการเปิดระบบรับสั่งสินค้าผ่านทางอีเมลขึ้นด้วย
ในปี ค.ศ. 1980 รอยได้ทำการเปิดวิกตอเรียส์ซีเคร็ตสาขาที่ 2 และ 3 ขึ้นในเมืองซานฟรานซิสโก และในปี ค.ศ. 1982 ก็ได้ทำการเปิดสาขาที่ 4 ขึ้นในเมืองซานฟรานซิสโกเช่นเดียวกัน
ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1982 วิกตอเรียส์ซีเคร็ตได้วางจำหน่ายแคตตาล็อกฉบับที่ 12 ในราคาฉบับละ 3 ดอลลาร์ โดยยอดขายที่ได้จากการขายแคตตาล็อกนั้นคิดเป็น 55% จากยอดขายทั้งหมด 7,000,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐในปีนั้น
ในปี ค.ศ. 1982 วิกตอเรียส์ซีเคร็ตมีสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 6 สาขา และมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 6,000,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐในทุกๆปี แต่จากความตั้งใจเดิมของรอยที่ต้องการจะเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าผู้ชายหรือสามีที่มาซื้อชุดชั้นในให้ภรรยานั้นเริ่มไม่ได้ผลตอบรับที่ดีเท่าที่ควร ทำให้บริษัทเริ่มมีปัญหาทางด้านการเงินและเสี่ยงจะล้มละลาย จนในที่สุดรอยก็ได้ตัดสินใจขายวิกตอเรียส์ซีเคร็ตให้กับเลสลี เวกซ์เนอร์ จากบริษัทลิมิเตด ด้วยราคา 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
Product
 Victoria’s secret เริ่มจากการเป็นแบรนด์ชุดชั้นในผู้หญิงก่อน ต่อมาหลังจากที่แบรนด์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจึงออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผู้หญิงเพิ่มเติมมาอีกจำนวนหนึ่ง อาทิเช่น เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่อ และน้ำหอม victoria’s secret มักจะนิยมจัดสินค้าเป็นเซตเพิ่อเหมาะสำหรับคนที่จะซื้อไปเป็นของขวัญในโอกาสต่างๆด้วย

กลยุทธ์ทางการตลาด

   วิกตอเรียส์ซีเคร็ตจะใช้การเดินแฟชั่นโชว์เป็นการเปิดตัวและโปรโมทคอลเลคชั่นใหม่โดยเฉพาะชุดชั้นในและในปัจจุบันเริ่มมีการเปิดตัวชุดออกกำลังกายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้หญิงที่รักสุขภาพอีกด้วย ซึ่งวิคตอเรียซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ถือเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นโชว์ที่สำคัญและมีผู้รอชมทั่วโลก ซึ่งในแต่ละปีก็จะประกอบไปด้วยนางแบบชื่อดังระดับโลกที่เข้าร่วมเดินในแฟชั่นโชว์นี้ และแฟชั่นโชว์นี้จะมีการเปิดตัวนางแบบชั่นนำใหม่ๆ และเหล่านางแบบที่ได้มาร่วมเดินแฟชั่นโชว์นี้จะถูกเรียกว่า นางฟ้าเพราะสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้สำหรับวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์นั่นก็คือปีกที่สร้างสรรค์ออกมาให้นางแบบได้ใส่ประกอบชุดในทุกๆปี โดยแต่ละปีกนั้นจะถูกออกแบบให้เข้ากับแต่ละโชว์ของแต่ละคอเลคชั่น อีกทั้งยังมีการถ่ายทอดสดผ่าน Time Square New York City ด้วย
สิ่งหนึ่งที่ทำให้วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์มีผู้รอชมทั่วโลกนั่นก็คือการแสดงจากศิลปินชั้นนำระดับโลกที่ได้มาร่วมแสดงโชว์บนเวที เช่น เทย์เลอร์ สวิฟต์, จัสติน บีเบอร์, เคที เพอร์รี, ริฮานนา, มารูนไฟฟ์, บรูโน มาร์ส, นิกกี มินาจ, แบล็กอายด์พีส์, จัสติน ทิมเบอร์เลค, อัชเชอร์ และในปีที่ผ่านมานั้นทางแบร์นได้เชิญ เดอะวีกเอนด์ , เอลลี่ และเซรีน่า โกเมส ซึ่งถือว่าเป็นนักร้องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมาร่วมโชว์ด้วย

Target
เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงระดับกลางขึ้นไปในแต่ละคอเลคชั่นของแบร์นจะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป เป้าหมายหลักโยทั่วไปแบรนด์จะเจาะกลุ่มเป้าหมายของผู้หญิงที่มีความมั่นใจและมี Style เป็นของตัวเองมีความเซ็กซี่เย้ายวนใจ
 คอเลคชั่น พิงค์ที่เปิดตัวในปี 2013 จะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นเป็นหลักเน้นเป็นสีสันสดใสเสื้อผ้าจะไม่ได้เน้นไปทางชุดชั้นในมากนัก สามารถใส่ลำลองในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งแตกต่างจากคอเลคชั่นเดิม
กลุ่มเป้าหมายรองก็คือกลุ่มผู้ชายที่ต้องการซื้อของขวัญให้กับคนพิเศษส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงแบร์นนี้เป็นเบร์นแรกเพราะว่าเป็นแบร์นที่ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง

Campaign
ปี 2016 แบร์นได้เปิดตัวแคมเปน Inside Out ด้วยการนำนางแบบที่สวม เสื้อlingerie ถ่ายแบบตามท้องถนน  ซึ่งสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะสื่อคือlingerieนั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ในรันเวย์แต่ก็สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน หรือสามารถสวมใส่ไปทำงานได้ 

Social media
        ในโซเชี่ยลมีเดียนั้นทางแบรนด์จะคอยอัพเดทข่าวสารของสินค้าต่างๆและอัพเดท lifestyle ของเหล่านางฟ้า ส่วนมากจะเน้นวิธีการดูแลรักษาหุ่นโดยใน youtube ก็จะมีคลิปในการออกกำลังกายของเหล่านางฟ้าว่าออกกำลังกายกับแบบไหนบ้าง ซึ่งถือว่าเป็นการโฆษณาสินค้าด้วย

Facebook


Youtube

Instragram

Pinterest

Snapchat





Vespa Thailand
                เวสป้าได้รับความนิยมในเมืองไทยมากว่า 50 ปี โดยถือเป็นความแปลกใหม่ของวงการรถในไทย โดยเวสป้าถือว่าแตกต่างกับรถมอเตอร์ไซด์ หรือรถ ประเภทอื่นๆ เพราะมีทั้งกลุ่มผู้ใช้ที่ใช้ในการทำงานจริงๆ ดังที่เรายังสามารถเห็นกันอยู่ คือการนำไปขนของเพื่อขนส่งแบบคล่องตัว เห็นได้ถึงความทนทานแข็งแกร่งของตัวรถและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมของเวสป้า ในขณะที่มีอีกกลุ่มที่เวสป้าเป็นมากกว่าแค่ยานพาหนะแต่ กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นตัวตน การตกแต่งเวสป้าคลาสสิคให้เป็นเอกลักษณ์ การมีกลุ่มเวสป้าต่างๆ เกิดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสไตล์ที่แตกต่าง ทำให้เวสป้ากลายเป็น ไอคอนของความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่ซ้ำใครตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม กระแสเวสป้าในเมืองไทยได้หายไปช่วงระยะหนึ่ง เนื่องจากการไม่มีตัวแทนการนำเข้าอย่างจริงจัง และไม่มีการ ทำการตลาดหรือการเชื่อมโยงชาวเวสป้าเข้าด้วยกัน จนกระทั่งปี 2009 บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นและได้รับ สิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยได้เริ่มนำเวสป้ากลับเข้ามาอีกครั้ง ทั้งนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีในเมือง ไทย และมีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงได้มีการออกรุ่น Limited Edition ที่ทำขึ้นพิเศษ เช่น รุ่น 65 ปี ที่ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 65 ปีของเวสป้าทั่วโลก รวมถึงได้ทำกิจกรรมรณรงค์การสวมหมวกนิรภัยให้แก่เด็กและเยาวชนมา อย่างต่อเนื่องด้วย ทั้งนี้ ทางบริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ตั้งเป้าหมายที่จะขยายตัวแทนจำหน่ายเพื่อครอบคลุมทุกพื้นที่ ในประเทศไทย เพื่อนำสกู๊ตเตอร์ที่เป็นตัวแทนของดีไซน์และความคลาสสิค รวมถึงการบ่งบอกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างไปถึงคนไทยทุกคน

2011 Concept “Bring Back Vespa” จากในปี 2554 เรามีการทำการตลาดโดยใช้คอนเซ็ปต์ Bring Back Vespa – ที่ตอกย้ำชื่อเสียงความเป็นมาของเวสป้า ปี 2012 “Vespa = Original & Unique สไตล์เพราะผู้ขับขี่เวสป้านั้นเป็นบุคคลที่มีความแตกต่าง และมีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลอย่างชัดเจน

MOD’s มาจากคำว่า Modernist ซึ่งแปลว่าความทันสมัย ซึ่ง MOD’s เป็นวัฒนธรรมย่อยที่มีถิ่นกำเนิด เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเกิดในช่วงปลายปี 1950 และเฟื่องฟูสุดในช่วงต้น จนถึงช่วงกลางของปี 1960 ซึ่งองค์ประกอบที่สำคัญของวัฒนธรรม MOD’s ประกอบด้วยแฟชั่น (เห็นได้บ่อยๆ จากชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างดี), ดนตรี รวมถึงดนตรีแนวโซลอเมริกันแอฟริกัน (โซลเป็นแนวเพลงประเภทหนึ่งที่รวมแนวเพลงระหว่าอาร์แอนด์บีและกอสเปล ซึ่งกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา, ดนตรีแนวสกา, ดนตรีจากฝั่งอังกฤษ, ดนตรีแนว R & B และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือรถสกู๊ตเตอร์คำว่า MOD’s มาจากคำว่า ความทันสมัย ซึ่งเกิดในช่วงปี 1950 ซึ่งใช้เรียกกลุ่มแฟนเพลงดนตรีแนว โมเดิร์น แจ๊ส ซึ่งขนบวัฒนธรรมนี้ได้แตกต่างจากกลุ่มที่ยึดถือหลักวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม ในปี 1959 ได้มีนวนิยายที่ชื่อว่า “Absolute Beginners” โดยนักประพันธ์ที่ชื่อว่า มร. คอลลิน แมคแคน ได้ให้คำจำกัดความของMOD’s ไว้ว่า เป็นกลุ่มที่ทันสมัยนิยม, กลุ่มที่ฟังดนตรีแนวโมเดิร์น แจ๊ส ที่แต่งกายด้วยชุดที่ตัดเย็บอย่างดีจริงๆแล้ว จุดเริ่มต้นของกลุ่มMOD’s นั้นได้มีก่อนหน้าวรรณกรรมที่เขียนไว้ โดยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ทันสมัย และมีการรวมกลุ่มกันในสิ่งที่ชื่นชอบใกล้ๆกัน ทั้งในเรื่องของวรรณกรรม, ศิลปะ, การออกแบบและสถาปัตยกรรม
MOD’s ในยุคปัจจุบัน = การที่มีการนำกลิ่นอายสไตล์เรโทรเข้ามาใช้ในยุคปัจจุบัน แต่ยังคงซึ่งไว้ถึงรูปแบบและความทันสมัย เราจะสื่อให้เห็นว่า MOD’s (สไตล์เรโทร) ภายใต้แคมเปญ “SCOOT IN STYLE” – สไตล์ของผู้ขับขี่สกู๊ตเตอร์เวสป้า หรือ MOD’s มักเป็นผู้ที่หลงใหลในแฟชั่น, ศิลปะ, หนังสือ, ภาพยนตร์, อาหาร เครื่องดื่ม, และการเข้าสังคม พบปะสังสรรค์ตามร้านอาหารหรือร้านกาแฟ 
Vespa =the ride that show your personality=Urban Trend เวสป้า = ผู้ขับขี่รถที่สะท้อนถึงบุคลิกความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน = เทรนด์สังคมเมือง

IMC of Vespa
Social
เวสป้าได้มีการใช้ facebook ในการแนะนำข่าวสารต่างๆ เวลามีการออกรุ่นใหม่ และแนะนำโปรโมชั่นในช่วงต่างๆ

เว็ปไซต์


Youtube.com

Instragram


Sell Promotion


พิเศษสุดสำหรับเดือนกันยายนนี้ เวสป้าร่วมกับกรุงศรี ออโต้มอบดอกเบี้ย 0% ให้แฟนเวสป้าเลือกผ่อนสบายๆ นานสูงสุด 12 เดือน* ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2559 สามารถดูรายละเอียดและรุ่นเวสป้าที่เข้าร่วมรายการได้จากตารางการผ่อนชำระกับบมจ. อยุธยา แคปิตอล ออโต้ ลีสได้ที่นี่




                                                                                โปรโมชั่นผ่อนสบายกับ Vespa

ออกเวสป้า 125 cc. ไปขับขี่แบบสบายๆ ดาวน์เริ่มต้นเพียง 3,000 บาท*
ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 0.89% ต่อเดือน ผ่อนเริ่มต้นที่ 2,454 บาท นานสูงสุด 36 เดือน
สำหรับ Vespa New Collection 2016 ABS เวสป้า 150 cc. ดาวน์เริ่มต้นเพียง 5,000 บาท* ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 0.63% ต่อเดือน ผ่อนเริ่มต้นที่ 3,604 บาท นานสูงสุด 36 เดือน*
พิเศษ! รับฟรีของแถมประจำรุ่นสำหรับเดือนกันยายน

Event

เวสป้าเปิด Vespa On The Beach ใจกลางกรุง สนุกรับซัมเมอร์


                                     เวสป้าเปิด Vespa On The Beach ใจกลางกรุง สนุกรับซัมเมอร์
 (กรุงเทพฯ, 18 มีนาคม 2559)  – บริษัท เวสปิอาริโอ (ประเทศไทยจำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์สัญชาติอิตาลี “เวสป้า” และ “พิอาจิโอ” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ร่วมงาน “The EM District World’s Pop-up Beach” ที่เนรมิตชายหาดชื่อดังจากทั่วโลกมาไว้ที่บริเวณชั้น G, Quartier Avenue, The Em Quartier ภายใต้คอนเซ็ปต์ “7 สัปดาห์ 7 ชายหาด 7 ความรู้สึก

งาน Vesparti 2013 ของคนรักเวสป้า 5 ภาค 5 จังหวัด











กิจกรรมอื่นๆ





THE VOLCANO


        The Volcano เกิดขึ้นจากความคิดที่อยากจะสร้าง Space เล็กๆขึ้นมาสักที่ ให้เป็นสถานที่ที่เข้ามาแล้วรู้สึกถึงความสนุก ความอบอุ่น ความเป็นกันเอง และที่สำคัญเป็น Space ที่มี ความอร่อย เน้นคุณภาพและมาตราฐานของวัตถุดิบ ในราคาที่ "ใครๆ ก็ทานได้" เพื่อเป็นอีกทางเลือกของคนชอบทานขนมปังปิ้ง นมสด
THE VOLCANO สาขาหลัง ม.ช. (CMU)
         THE Volcano สาขาหลัง ม.ช. ตั้งอยู่ริมถนนสุเทพ ในโครงการ PP Place ด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ตรงข้ามคณะศึกษาศาสตร์) สังเกต 7-eleven ร้านที่สองจากสี่แยกกาดต้นพยอม (อยู่หน้าปากซอยเข้าวัดอุโมงค์พอดี) เลยมาประมาณ 100 เมตร ด้านหน้าร้านมีจุดสังเกตคือ ร้านสุกี้ช้างเผือก(สาขา2) มีลานจอดรถมอเตอร์ไซต์ด้านหน้าโครงการ ร้านอยู่ติดกับร้าน SOFUTO CREAM ลูกค้าสามารถจอดรถริมถนนทั้งสองข้างทาง 
THE VOLCANO II สาขาแยกแอร์พอร์ต ในโครงการ Nim City
           THE Volcano สาขาที่สอง ตั้งอยู่ในโครงการ NIM CITY ถนนมหิดล ใกล้สี่แยกสนามบิน ตรงข้าม Central Airport และ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น อยู่ติดกับร้าน โอ้กะจู๋ สาขาสอง

IMC of Volcano

มีการใช้หน้าเว็ปเพื่อประชาสัมพันธ์และนำเสนอเมนูต่างๆ
มีการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เช่น facebook , Instragram เพื่อกระจายข่าวสารและอัพเดทเมนูใหม่ๆของทางร้าน



โปรโมชั่น !!
เนื่องจากในขณะนี้ เมนู pocket cheese ของทางร้านขายดีจนเทน้ำเทท่า จนเพจชั้นนำด้านอาหารอย่าง " วงใน และ รีวิวเชียงใหม่ " ได้มีการบอกต่อถึงรสชาติและความยืดของชีส ทางร้านจึงได้นำความยืดของชีสในเมนูมาทำเป็นโปรโมชั่นภายใต้ชื่อว่า POCKET CHEESE TOAST CONTEST